บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

MINT รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 52 ในไตรมาสแรกปี 2558

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) มีกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งในไตรมาสแรกปี 2558 จำนวน 2,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 จาก 1,420 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน การเติบโตของกำไรสุทธิเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกำไรจากการควบรวมกิจการ ซึ่งเกิดจากส่วนเกินของมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ที่เข้าซื้อ ตามมาตรฐานการบัญชีไทย นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติหลังจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองในปีก่อน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในไตรมาสแรกปี 2558 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และมีการเติบโตขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ด้วยประโยชน์จากสถานการณ์ฟื้นตัวนี้ รวมถึงความเป็นผู้นำตลาด ส่งผลให้ MINT มีผลกำไรสุทธิในไตรมาสแรกที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ในไตรมาสแรกปี 2558 กำไรสุทธิของธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 67 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงแรมในกรุงเทพฯ การเติบโตของยอดขายอสังหาริมทรัพย์และอนันตรา เวเคชั่น คลับ ประกอบกับกำไรจากการเข้าลงทุนในโรงแรมของกลุ่มบริษัท Sun International ในไตรมาสแรกปี 2558 กลุ่มโรงแรมเดิมที่ MINT เป็นเจ้าของมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) เติบโตขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลจากการฟื้นตัวของโรงแรมในประเทศไทยซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเติบโตขึ้นประมาณร้อยละ 20 ทั้งนี้ รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของโรงแรมในประเทศไทยในไตรมาสนี้อยู่ในระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสูงกว่าก่อนเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมเติบโตขึ้นคือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายและโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา อนันตรา เวเคชั่น คลับ โดยรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้นร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการที่โครงการเซ็นต์ รีจิส เรสซิเดนซ์ ประสบความสำเร็จในการปิดการขายครบทั้งโครงการในไตรมาสนี้ ประกอบกับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา อนันตรา เวเคชั่น คลับ อีกทั้งในไตรมาสแรกปี 2558 MINT มีกำไรจากการเข้าลงทุนในโรงแรมของกลุ่มบริษัท Sun International โดยเมื่อการเข้าซื้อกิจการเสร็จสิ้นได้มีการตีราคาโรงแรมเหล่านี้ตามราคาตลาด ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าราคาซื้อเป็นอย่างมาก เป็นผลให้เกิดกำไรจากการเข้าลงทุนในโรงแรมดังกล่าว  ทั้งนี้ MINT คาดว่าธุรกิจโรงแรมจะมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2558 จากการฟื้นตัวของกลุ่มโรงแรมในประเทศไทย รวมถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงแรมในต่างประเทศ และผลประกอบการอันโดดเด่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ในไตรมาสแรกของปี 2558 กำไรจากธุรกิจร้านอาหารเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  อันเป็นผลจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจในประเทศไทยและออสเตรเลีย โดยที่แบรนด์หลักในทั้งสองประเทศมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกครั้งหนึ่ง ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมร้านอาหารของ MINT ในประเทศไทย ประกอบกับกลยุทธ์การกระจายธุรกิจไปยังต่างประเทศและในหลากหลายแบรนด์ ได้ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการปรับตัวของธุรกิจร้านอาหารของบริษัท ในไตรมาสแรก ปี 2558 ยอดขายโดยรวมทุกสาขา (Total-System-Sales) เติบโตขึ้นในอัตราร้อยละ 17.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากการเติบโตขึ้นของยอดขายต่อร้านเดิม (Same-Store-Sales) ในอัตราร้อยละ 0.6 และการขยายสาขาในอัตราร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ กลยุทธ์การตลาดเชิงรุกจะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าในสาขาทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ยอดขายต่อร้านเดิมเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงเวลาที่เหลือของปี อีกทั้งการขยายสาขาร้านอาหารอย่างมีวินัยและกลยุทธ์การควบคุมต้นทุน จะส่งผลให้ MINT มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในไตรมาสต่อๆไป

ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตของ MINT มีกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 8 ในไตรมาสแรกปี 2558 จากการชะลอตัวของการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยภายในประเทศ ประกอบกับคำสั่งการผลิตที่ล่าช้าจากลูกค้ารายหลัก นอกจากนี้ ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตอยู่ระหว่างการวางกลยุทธ์การกระจายสินค้าเชิงรุก การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงการใช้มาตรการการควบคุมต้นทุนเพื่อขับเคลื่อนผลการดำเนินงานในระยะเวลาที่เหลือของปี 2558

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล โดยประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น MINT เป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 1,700 สาขา ในมากกว่า 20 ประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เลอร์ แดรี่ ควีน  เบอร์เกอร์ คิง ไทยเอ็กซ์เพรส เดอะ คอฟฟี่ คลับ ริบส์ แอนด์ รัมส์ เบร็ดทอล์ค (ประเทศไทย) และริเวอร์ไซด์ อีกทั้งยังเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมทั้งสิ้น 133  โรงแรม ภายใต้เครื่องหมายการค้า อนันตรา อวานี โอ๊คส์ เปอร์ อควัม ทิโวลี เอเลวาน่า แมริออท โฟร์ ซีซั่นส์ เซ็นต์ รีจิส เรดิสัน บลู และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ใน 22 ประเทศในเอเชียแปซิฟิค ตะวันออกกลาง แอฟริกา คาบสมุทรอินเดีย ยุโรป และอเมริกาใต้ นอกจากนี้ MINT ยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศ ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า โดยมีโรงงานเป็นของตัวเอง เครื่องหมายการค้าที่ MINT เป็นผู้จัดจำหน่ายได้แก่ แก๊ป บานาน่า รีพับบลิค เอสปรี บอสสินี่ ชาร์ล แอนด์ คีธ เพโดร เรดเอิร์ธ ทูมี่ สวิลลิ่ง เจ.เอ. เฮ็งเคิลส์ อีทีแอล เลิร์นนิ่ง และ มายเซลล์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.minorinternational.com

PERFORMANCE (Bt m)
 
1Q15
1Q14
% Change
Total Revenues
12,164
10,630
14%
Cost of Sales
3,897
3,504
11%
Selling & Administrative
4,929
4,551
8%
EBITDA
3,337
2,575
30%
Depreciation & Amort.
735
660
11%
EBIT
2,601
1,915
36%
Interest Expenses
317
243
31%
Earnings Before Tax
2,285
1,672
37%
Corporate Tax
94
212
-56%
Minority Interest
34
40
-14%
Net Profit as Reported
2,157
1,420
52%
Fully Diluted EPS as Reported (Bt)
0.4900
0.3548
38%
Fully Diluted Shares (mn)
4,402
4,002
10%

Note: Share of profit is included in other revenues