บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และ SUN INTERNATIONAL ประกาศเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์ในการบริหารแปดโรงแรม ในประเทศบอตสวานา เลโซโท นามิเบีย สวาซิแลนด์ และแซมเบีย

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) และ บริษัท Sun International จำกัด (“Sun International”) ประกาศเข้าทำสัญญาข้อตกลงร่วมกันดังนี้: (i) Sun International จะขายหุ้นบางส่วนที่ถือในประเทศบอตสวานา เลโซโท นามิเบีย สวาซิแลนด์ และแซมเบีย ซึ่งประกอบด้วยโรงแรม 8 แห่ง (“African Assets”) ให้แก่ MINT เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 679.5 ล้านแรนด์ของแอฟริกาใต้ (63.9 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) และ (ii) Sun International และ MINT จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเพื่อเป็นเจ้าของและบริหารกลุ่มโรงแรมใน African Assets ร่วมกัน (“พันธมิตร”) การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ จะใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของทั้งสองบริษัท โดย Sun International จะยังคงบริหารธุรกิจคาสิโนต่อไป ขณะที่ MINT จะเข้าบริหารโรงแรมและทำการตลาดภายใต้แบรนด์อนันตราและอวานีของ MINT

Sun International จะขายหุ้นในส่วนที่ Sun International ถือหุ้นอยู่ ในอัตราร้อยละ 50 ในประเทศแซมเบีย และร้อยละ 80 ในประเทศบอตสวานา นามิเบีย เลโซโท และสวาซิแลนด์ ซึ่งจะเป็นผลให้ MINT มีสัดส่วนการถือหุ้นในแต่ละประเทศดังนี้ (1) ร้อยละ 50 ในโรงแรมในประเทศแซมเบีย ซึ่งประกอบด้วย โรงแรม Royal Livingstone จำนวนห้องพัก 173 ห้อง และ โรงแรม Zambezi Sun จำนวนห้องพัก 212 ห้อง (2) ร้อยละ 64 ในโรงแรม Gaborone Sun จำนวนห้องพัก 196 ห้อง ในประเทศบอตสวานา (3) ร้อยละ 80 ในโรงแรม Kalahari Sands จำนวนห้องพัก 173 ห้อง ในประเทศนามิเบีย (4) ร้อยละ 37.5 ในโรงแรมในประเทศเลโซโท ซึ่งประกอบด้วย โรงแรม Lesotho Sun จำนวนห้องพัก 158 ห้อง และ โรงแรม Maseru Sun จำนวนห้องพัก 105 ห้อง และ (5) ร้อยละ 40.5 ในโรงแรมในประเทศสวาซิแลนด์ ซึ่งประกอบด้วย โรงแรม Royal Swazi จำนวนห้องพัก 149 ห้อง และ โรงแรม Ezulwini Sun จำนวนห้องพัก 202 ห้อง

การเข้าทำธุรกรรมในครั้งนี้ และการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ MINT ในแอฟริกา ตรงกับกลยุทธ์ของ Sun International ที่จะจัดสรรเงินลงทุนและทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ จะเป็นผลให้ Sun International ยังคงมีเงินลงทุนอยู่ในกลุ่มโรงแรม African Assets แต่จะมีความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจคาสิโนเป็นหลัก และยังเป็นการเปิดโอกาสที่จะได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ MINT ในโครงการอื่นในแอฟริกาที่มีส่วนประกอบของธุรกิจคาสิโน โดยนับจากนี้ Sun International จะมุ่งความสนใจได้มากยิ่งขึ้น ไปยังโอกาสในการลงทุนในภูมิภาคลาตินอเมริกาและเอเชีย (ซึ่ง MINT มีธุรกิจที่แข็งแกร่งอยู่ในภูมิภาคนี้) เพราะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตของธุรกิจคาสิโนสูง นอกจากนี้ MINT จะร่วมลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ตามสัดส่วนการถือหุ้นเพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มโรงแรม African Assets ซึ่งจะเป็นผลให้ Sun International มีความสามารถในการที่จะพิจารณาการลงทุนอื่นๆต่อไป ทั้งนี้ Sun International จะนำเงินที่ได้จากการขายในครั้งนี้ไปชำระหนี้และขยายธุรกิจต่อไป

การร่วมลงทุนในครั้งนี้เป็นผลให้ MINT ได้เข้าลงทุนและดำเนินธุรกิจในประเทศบอตสวานา เลโซโท นามิเบีย สวาซิแลนด์ และแซมเบีย ซึ่ง MINT เชื่อว่าประเทศเหล่านี้อยู่ในช่วงของการเติบโตของความต้องการที่พักอาศัยที่มีคุณภาพ และ MINT จะใช้ความเชี่ยวชาญในการบริหารโรงแรมที่มีอยู่ ประกอบกับความสามารถในการดำเนินงานและการขาย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของกลุ่มโรงแรม African Assets ต่อไป นอกจากนี้ การเข้าลงทุนในครั้งนี้ยังเป็นไปตามแผนการขยายธุรกิจของ MINT ในแอฟริกา ซึ่ง MINT เป็นเจ้าของรีสอร์ทหรูแปดแห่งในประเทศเคนยาและแทนซาเนียภายใต้แบรนด์เอเลวาน่า คอลเลคชั่น และห้าโครงการโรงแรมในประเทศโมซัมบิกภายใต้แบรนด์อนันตราและอวานีของ MINT

นาย Graeme Stephens ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Sun International กล่าวว่า “การตกลงซื้อขายในครั้งนี้ เป็นผลให้ Sun International มีโอกาสในการเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์กับ MINT ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยว โดยไม่เพียงแต่มีความชำนาญในด้านการบริหารและการตลาดในธุรกิจโรงแรมเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถและความต้องการที่จะลงทุนในสินทรัพย์ภายใต้การบริหารอีกด้วย โดย MINT จะรับผิดชอบในการบริหารกลุ่มโรงแรม African Assets ซึ่งจะส่งผลให้ Sun International และคณะผู้บริหารสามารถให้ความสำคัญกับการดูแลธุรกิจคาสิโน ซึ่งเป็นส่วนขับเคลื่อนผลประกอบการทางการเงินและกลยุทธ์ของบริษัท นอกจากนี้ Sun International ยังคงเป็นพันธมิตรกับ MINT และจะยังคงได้รับประโยชน์จากการเติบโตของโรงแรมในกลุ่ม African Assets ร่วมกับ MINT ต่อไป”

นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MINT กล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา MINT ได้ขยายธุรกิจโรงแรมไปในหลายภูมิภาคตามแผนกลยุทธ์ของบริษัท ซึ่งแอฟริกาเป็นหนึ่งในทวีปที่ MINT เล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตสูง และได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากการเข้าลงทุนและการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ MINT มีความยินดีในการเข้าลงทุนซื้อโรงแรมครั้งล่าสุดนี้ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์ในการเติบโตในแอฟริกา ตลอดจนทำให้แบรนด์อนันตราและอวานีเป็นที่รู้จักในภูมิภาคนี้มากขึ้นไปอีก และเราหวังว่าความสัมพันธ์ทางธุรกิจของเรากับ Sun International จะพัฒนาต่อไปในอนาคต”

นายดิลิปรัจ ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า “การร่วมลงทุนในกลุ่มโรงแรม African Assets นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน เพื่อจะมองหาโอกาสใหม่ในธุรกิจโรงแรมและธุรกิจคาสิโนในทวีปแอฟริกาและเอเชียต่อไป โดย MINT จะรับบริหารธุรกิจโรงแรมในขณะที่ Sun International จะรับบริหารธุรกิจคาสิโน”

โรงแรมในแอฟริกา ซึ่งอยู่นอกประเทศแอฟริกาใต้ และ Sun International เป็นเจ้าของ แต่ไม่อยู่ภายใต้การร่วมทุนในครั้งนี้ มีเพียงหนึ่งโรงแรม คือ โรงแรม Federal Palace ในเมืองเลกอส ประเทศไนจีเรีย ซึ่ง Sun International และ MINT จะเจรจาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ MINT จะเข้าร่วมลงทุนในอนาคต

การทำธุรกรรมในครั้งนี้จะเสร็จสมบูรณ์ได้ ต่อเมื่อมีเอกสารที่ครบถ้วนสมบูรณ์และได้รับการอนุมัติตามข้อบังคับในเขตอำนาจกฎหมายของประเทศที่กลุ่มโรงแรม African Assets ตั้งอยู่ ซึ่งสัญญาจะซื้อจะขายสำหรับแต่ละโรงแรมในกลุ่มโรงแรม African Assets นั้นเป็นสัญญาที่มีเงื่อนไขเกี่ยวเนื่องระหว่างกัน เนื่องจากเป็นการขายกลุ่มโรงแรม African Assets ทั้งกลุ่ม

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน): เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล โดยประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น ซึ่ง MINT เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีมูลค่าตามราคาตลาด 132 พันล้านบาท (หรือมากกว่า 4.1 พันล้านเหรียญดอลล่าสหรัฐ) ในปี 2556 MINT แสดงรายได้เกินกว่า 1.1 พันล้านเหรียญดอลล่าสหรัฐ และกำไรสุทธิเกินกว่า 130 ล้านเหรียญดอลล่าสหรัฐ MINT เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมและเซอร์วิสสวีททั้งสิ้น 110 แห่ง ภายใต้เครื่องหมายการค้า อนันตรา อวานี โอ๊คส์ เปอร์ อควัม เอเลวาน่า โฟร์ซีซั่นส์ เซ็นต์ รีจิส แมริออท Radisson Blu และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในประเทศไทย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มัลดีฟส์ เวียดนาม ตะวันออกกลาง ศรีลังกา จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย กัมพูชา แทนซาเนีย เคนยา และโมซัมบิก อีกทั้งยังเป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 1,500 สาขา ใน 20 ประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เลอร์ แดรี่ ควีน เบอร์เกอร์ คิง ไทยเอ็กซ์เพรส เดอะ คอฟฟี่ คลับ ริบส์ แอนด์ รัมส์ และริเวอร์ไซด์ นอกจากนี้ MINT ยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศ ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า โดยมีโรงงานเป็นของตัวเอง เครื่องหมายการค้าที่ MINT เป็นผู้จัดจำหน่ายได้แก่ แก๊ป เอสปรี บอสสินี่ ชาร์ล แอนด์ คีธ เพโดร เรดเอิร์ธ ทูมี่ สวิลลิ่ง เจ.เอ. เฮ็งเคิลส์ อีทีแอล เลิร์นนิ่ง และ มายเซลล์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.minorinternational.com

บริษัท Sun International: เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และคาสิโน เป็นทั้งผู้พัฒนา บริหารจัดการ และดำเนินธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และคาสิโนในประเทศแอฟริกาใต้ และประเทศอื่นในทวีปแอฟริกาและลาตินอเมริกา ทั้งนี้ Sun International เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งโจฮันเนสเบิร์ก และลงทุนและบริหารกลุ่มโรงแรมและคาสิโนมูลค่า 2.3 พันล้านเหรียญดอลล่าสหรัฐ

กลุ่มบริษัท Sun International มีสินทรัพย์ที่หลากหลาย รวมถึงคาสิโนที่ทันสมัยและตั้งอยู่ในทำเลที่ดี รีสอร์ทระดับแนวหน้าของโลก และโรงแรมห้าดาวระดับโลก รวมถึงโรงแรมที่มีเอกลักษณ์ เช่น โรงแรม The Royal Livingstone ที่น้ำตกวิกตอเรีย โรงแรม Palace of the Lost City ที่เมืองซัน (รีสอร์ทต้นแบบของ Sun International) และโรงแรม The Table Bay ในเมืองเคปทาวน์

Sun International ได้ใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของธุรกิจในทวีปแอฟริกา เพื่อขยายไปในต่างประเทศ ซึ่งกลุ่มบริษัทได้ขยายการดำเนินงานเข้าสู่ภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยเริ่มต้นจากการดำเนินธุรกิจในประเทศชิลี และกำลังจะเปิดดำเนินการธุรกิจคาสิโนใหม่ที่ประเทศปานามาในเร็วๆนี้ ซึ่งกลุ่มบริษัทยังคงมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจต่อไปอีกในภูมิภาคลาตินอเมริกาและเอเชีย