บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

MINT ประกาศกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 ในครึ่งปีแรกของปี 2558

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ("MINT") ประกาศกำไรสุทธิจำนวน 2,698 ล้านบาทในครึ่งปีแรกของปี 2558 เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 จากครึ่งปีแรกของปี 2557 ซึ่งมีกำไรสุทธิจำนวน 2,037 ล้านบาท การเติบโตของกำไรสุทธิเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของธุรกิจโรงแรมและการรับรู้ผลกำไรจากการลงทุนในโรงแรมของกลุ่มบริษัท Sun International ในไตรมาสแรกของปี 2558 หากไม่นับรวมผลกำไรจากรายการพิเศษในไตรมาส 1 ปี 2558 และไตรมาส 2 ปี 2557 กำไรสุทธิจากการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2558 ยังคงมีการเติบโตในอัตราร้อยละ 4 จากครึ่งปีแรกของปี 2557 สำหรับในไตรมาส 2 ของปี 2558 กำไรสุทธิจากการดำเนินงานหลังหักผลกำไรจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัท Serendib Hotel PLC ปรับตัวลดลงร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งกดดันผลการดำเนินงานของธุรกิจร้านอาหาร แม้ว่าการดำเนินงานที่โดดเด่นของธุรกิจโรงแรมจะช่วยลดผลกระทบดังกล่าวนี้ได้บางส่วน กำไรสุทธิตามที่รายงานลดลงร้อยละ 12 จาก 617 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2557 เป็น 541 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2558

ธุรกิจโรงแรมของ MINT มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 55 ในครึ่งปีแรกของปี 2558 และมีผลกำไรสุทธิใกล้เคียงเดิมในไตรมาส 2 ของปี 2558 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ กำไรสุทธิจากการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรม ซึ่งไม่รวมรายการพิเศษ มีอัตราการเติบโตร้อยละ 8 ในครึ่งปีแรกของปี 2558 และร้อยละ 43 ในไตรมาส 2 ปี 2558 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจโรงแรมของ MINT โดยการเติบโตตังกล่าว เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของกลุ่มโรงแรมในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมในเครืออนันตรา ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 ในไตรมาส 2 ปี 2558 เนื่องจากการฟื้นตัวของโรงแรมในกรุงเทพฯจากผลกระทบทางการเมืองในครึ่งปีแรกของปี 2557 ส่วนโรงแรมในต่างจังหวัดมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทั้งกลุ่มโรงแรมในเครืออนันตรา และโรงแรมภายใต้แบรนด์อื่นๆ ซึ่ง MINT ไม่ได้เป็นเจ้าของ ยกเว้นโรงแรมเจ ดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) ของโรงแรมที่มีอยู่เดิม (Organic) ที่ MINT เป็นเจ้าของเองเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 และร้อยละ 19 ใน ไตรมาส 2 ปี 2558 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้โครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา อนันตรา เวเคชั่น คลับ ยังมีการเติบโตของกำไรที่โดดเด่น ในอัตรากว่าร้อยละ 60 ในครึ่งปีแรกของปีนี้ ทั้งนี้ MINT คาดว่ากลุ่มธุรกิจโรงแรมจะมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในครึ่งปีหลังของปี 2558 โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว พร้อมทั้งภาวะการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทย การดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มโรงแรมที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการ และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากการเริ่มขายโครงการที่พักอาศัย The Residences by Anantara Layan ในภูเก็ต นอกจากนี้ ในครึ่งปีแรกของปี 2558 MINT ได้ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ โดยสามารถเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัท และเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่จะมุ่งสร้างมูลค่าสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น สำหรับการซื้อกิจการกลุ่มโรงแรม Tivoli ปัจจุบัน MINT รับรู้ผลกำไรเพียงบางส่วนเท่านั้น คือผลการดำเนินงานของโรงแรม 2 แห่งในประเทศบราซิล ในขณะที่สำหรับโรงแรมอีก 4 แห่งในประเทศโปรตุเกส เป็นเพียงการรับรู้รายได้ค่าเช่า และภายในปีนี้ MINT คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อกิจการโรงแรมที่เหลืออีก 8 แห่ง รวมถึงแบรนด์ และฐานในการดำเนินธุรกิจโรงแรมของกลุ่มโรงแรม Tivoli ทั้ง12 แห่งในโปรตุเกส

กำไรสุทธิของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารของ MINT ปรับตัวลดลงในอัตราร้อยละ 2 ในครึ่งปีแรกของปี 2558 และร้อยละ 22 ในไตรมาส 2 ปี 2558 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและการบริโภคภายในประเทศไทย รวมถึงการปิดปรับปรุงสาขาร้านอาหารหลักในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจร้านอาหารลดลง การบริโภคในประเทศไทย โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ สภาวะความแห้งแล้งทางการเกษตร และสภาวะความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในครึ่งปีแรกของปี 2558 ยอดขายโดยรวมทุกสาขา (Total-System-Sales) เติบโตขึ้นในอัตราร้อยละ 12.2 จากการขยายสาขาในอัตราร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ยอดขายต่อร้านเดิม (Same-Store-Sales) มีการชะลอตัวเพียงเล็กน้อยในอัตราร้อยละ 0.5 MINT คาดว่าเมนูอาหารใหม่ๆ กลยุทธ์การตลาดและแคมเปญส่งเสริมการขายที่สร้างสรรค์ รวมถึงการพัฒนาระบบและการให้บริการการสั่งอาหารออนไลน์และระบบการจัดส่ง จะช่วยให้ยอดขายและผลการดำเนินงานของธุรกิจร้านอาหารเติบโตได้ในช่วงเวลาที่เหลือของปี นอกจากนี้ การออกนโยบายและอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย จะส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจภายในประเทศมีการฟื้นตัวและกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภคมากยิ่งขึ้น บริษัทเชื่อมั่นว่าการขยายสาขาร้านอาหารอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของผู้ประกอบร้านค้าปลีกรายหลัก รวมถึงการขยายธุรกิจแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่องและมั่นคงจะส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารกลับมามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในครึ่งปีหลังของปี 2558

ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตของ MINT ซึ่งดำเนินธุรกิจในประเทศไทย มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ในครึ่งปีแรกของปี 2558 และร้อยละ 94 ใน    ไตรมาส 2 ปี 2558 จากการขยายการกระจายสินค้าผ่านช่องทางใหม่ๆ และความสำเร็จในการควบคุมต้นทุนแม้ในภาวะเศรษฐกิจและการบริโภคที่ชะลอตัว

ข้อมูลเกี่ยวกับบริษํท:

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล โดยประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น MINT เป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 1,700 สาขา ในมากกว่า 20 ประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เลอร์ แดรี่ ควีน  เบอร์เกอร์ คิง ไทยเอ็กซ์เพรส เดอะ คอฟฟี่ คลับ ริบส์ แอนด์ รัมส์ เบร็ดทอล์ค (ประเทศไทย) และริเวอร์ไซด์ อีกทั้งยังเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมทั้งสิ้น 134  โรงแรม ภายใต้เครื่องหมายการค้า อนันตรา อวานี โอ๊คส์ เปอร์ อควัม ทิโวลี เอเลวาน่า แมริออท โฟร์ ซีซั่นส์ เซ็นต์ รีจิส เรดิสัน บลู และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ใน 22 ประเทศในเอเชียแปซิฟิค ตะวันออกกลาง แอฟริกา คาบสมุทรอินเดีย ยุโรป และอเมริกาใต้ นอกจากนี้ MINT ยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศ ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า โดยมีโรงงานเป็นของตัวเอง เครื่องหมายการค้าที่ MINT เป็นผู้จัดจำหน่ายได้แก่ แก๊ป บานาน่า รีพับบลิค เอสปรี บอสสินี่ ชาร์ล แอนด์ คีธ เพโดร เรดเอิร์ธ ทูมี่ สวิลลิ่ง เจ.เอ. เฮ็งเคิลส์ อีทีแอล เลิร์นนิ่ง และ มายเซลล์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.minorinternational.com.

PERFORMANCE (Bt m)
2Q15
2Q14
% Change
1H15
1H14
% Change
Total Revenues
9,956
9,123
9%
22,120
19,753
12%
Cost of Sales
3,618
3,276
10%
7,516
6,780
11%
Selling & Administrative
4,693
4,181
12%
9,622
8,732
10%
EBITDA
1,645
1,667
-1%
4,982
4,242
17%
Depreciation & Amort.
708
678
4%
1,443
1,338
8%
EBIT
937
989
-5%
3,539
2,904
22%
Interest Expenses
327
299
9%
644
542
19%
Earnings Before Tax
610
690
-12%
2,895
2,362
23%
Corporate Tax
52
72
-28%
145
284
-49%
Minority Interest
18
2
-967%
52
41
N.M.
Net Profit as Reported
541
617
-12%
2,698
2,037
32%
Core Net Profit
541
548
-1%
2,048
1,967
4%
Fully Diluted EPS as Reported (Bt)
0.1229
0.1401
-12%
0.6128
0.4626
32%
Fully Diluted Shares (mn)
4,402
4,402
0%
4,402
4,402
0%

Note: Share of profit is included in other revenues

Press Contacts: Chaiyapat Paitoon / Jutatip Adulbhan at Tel: (662) 365-7500