บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

หลังจากช่วงเวลาหลายปีของความไม่แน่นอนจากผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยืดเยื้อได้ผ่านพ้นไป เมฆครึ้มได้จางหายไปจากหลากหลายธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการ ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลได้ใช้ช่วงเวลานี้เพื่อยกระดับฐานการดำเนินงานและเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน โดยปรับตัวให้บริษัทมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวต่อความเปลี่ยนแปลงและยังคงให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เรามองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการเติบโตและเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ในขณะที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน เราทราบดีว่าสถานการณ์เช่นนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต จึงเรียนรู้การจัดการความเสี่ยงปัจจุบันและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ด้วยความคล่องตัว ทีมงานของเราปรับเปลี่ยนความคิดเพื่อมุ่งเน้นการมองไปข้างหน้าซึ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในตลาดที่สำคัญของเราทั่วโลก

ความเสี่ยงเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศถูกระบุว่าเป็นความเสี่ยงระดับโลกสำหรับทศวรรษต่อจากนี้ ไมเมอร์มุ่งมั่นลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจของเราและสนับสนุนการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ เราแน่วแน่ต่อคำมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ตลอดห่วงโซ่คุณค่าภายในปี 2593 และกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อตั้งเป้าหมายที่อิงหลักวิทยาศาสตร์ (Science-based target) ระยะสั้นและระยะยาวสำหรับทุกกลุ่มธุรกิจของเรา ในปี 2564 เราใช้แนวปฏิบัติของมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosers) ในการจัดการความเสี่ยงขององค์กรโดยอธิบายความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศเชิงคุณภาพ ในปี 2565 เราดำเนินการประเมินความเสี่ยงทางกายภาพและความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณเพื่อระบุผลกระทบทางการเงินทั้งในระยะสั้น กลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงสถานการณ์สภาพภูมิอากาศในบริบทต่างๆ ในปี 2564 เราสามารถบรรลุเป้าหมายระยะยาวด้านสิ่งแวดล้อมในการลดอัตราการใช้พลังงาน น้ำ และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในโรงแรมลงร้อยละ 20 ดังนั้นในระหว่างที่เรากำลังดำเนินการตั้งเป้าหมายที่อิงหลักวิทยาศาสตร์ เราจึงได้กำหนดเป้าหมายระยะสั้นเพื่อลดอัตราเหล่านี้ต่อไป โดยใช้ดัชนี Cornell Hotel Sustainability Benchmarking Index เป็นข้อมูลอ้างอิง เราเริ่มปฏิบัติการจัดการของเสียกับไมเนอร์ โฮเทลส์และสามารถลดปริมาณของเสียอินทรีย์ไปสู่การฝังกลบของโรงแรมได้กว่าร้อยละ 25 นอกจากนี้ โรงแรมของเราที่ตั้งอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติถึงร้อยละ 94 ได้ดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน ซึ่งการดำเนินโครงการของเราทั่วโลกสามารถสนับสนุนการคุ้มครองสัตว์ตามบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศ เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติได้รวม 84 สายพันธุ์

การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างปกติทำให้เราสามารถเริ่มจัดโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาบุคลากรในองค์กรและสมาชิกชุมชนของเรา ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาและสนับสนุนบุคลากรใน 3 ระดับตามแนวการดำเนินงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืนของเรา ได้แก่ สมาชิกชุมชนที่ด้อยโอกาส กลุ่มพนักงาน และกลุ่มผู้บริหารศักยภาพสูงและผู้นำ ผ่านโครงการและกิจกรรมสนับสนุนด้านการศึกษา การสร้างอาชีพและความก้าวหน้าในอาชีพ การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และการพัฒนาสิ่งแวดล้อม เราสามารถกลับมาดำเนินโครงการสนับสนุนการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชน เช่น โครงการเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ชวนน้องอ่าน การสัมมนาของไมเนอร์ สมาร์ท คิดส์ และกิจกรรมพัฒนาโรงเรียนในชุมชน รวมถึงกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมที่หลากหลาย ในปี 2565 เราสามารถพัฒนาและสนับสนุนคนมากกว่า 478,000 คน ผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษา สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และการตอบสนองต่อภาวะวิกฤต ไมเนอร์เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการให้โอกาสในการพัฒนาบุคลากรสามารถส่งเสริมศักยภาพของพวกเขาได้สูงสุด โครงการและกิจกรรมอบรมเพื่อการพัฒนาบุคลากรในองค์กรและสมาชิกชุมชนของเราจัดขึ้นทั้งในแบบในห้องเรียนและแบบไฮบริดที่ผสมผสานการเรียนในห้องเรียนและออนไลน์เข้าด้วยกัน เราเชื่อมั่นว่าการสร้างอาชีพและความก้าวหน้าในอาชีพสามารถส่งผลเชิงบวกต่อการรักษาพนักงานของเราในทุกระดับ ในปี 2565 กว่าครึ่งของตำแหน่งระดับบริหารที่ว่างได้รับการบรรจุโดยการเลื่อนตำแหน่งพนักงานภายใน นอกจากนี้เราตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัย อาชีวอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ในปี 2565 เราตั้งเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนระยะยาวใหม่คือ “การเสียชีวิตจากการทํางานของพนักงานเป็นศูนย์ในทุกปี”

การมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและสินทรัพย์มูลค่าสูงช่วยสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจของเราในระยะยาวและเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้เราเข้าถึงบุคลากรศักยภาพสูงและขยายเครือข่ายพันธมิตรของเราทั้งในพื้นที่ดำเนินธุรกิจปัจจุบันและที่ใหม่ๆ ไมเนอร์เริ่มต้นบูรณาการด้านการจัดการซัพพลายเชนในส่วนที่เป็นไปได้ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของการจัดหาวัตถุดิบ เพิ่มประสิทธิภาพ และจัดการต้นทุนได้ดีขึ้นภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ท้าทาย เราตระหนักดีว่าความยั่งยืนของธุรกิจจะเกิดขึ้นได้เมื่อห่วงโซ่คุณค่าของเรามีความยั่งยืนตั้งแต่คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ไปถึงลูกค้า ในช่วงเวลาที่การเดินทางมีข้อจำกัด เราใช้ช่องทางต่างๆ ในการทำการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของคู่ค้ารายสำคัญและคู่ค้าที่ถูกประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ในปี 2565 เราขยายขอบเขตการประเมินไปยังคู่ค้าของทีมพัฒนาโครงการของไมเนอร์ ฟู้ด และสามารถประเมินคู่ค้าที่ถูกประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงและตกลงในแผนพัฒนาได้ร้อยละ 94 เรายึดมั่นในการประสานพันธมิตรเพื่อธุรกิจที่ยั่งยืนและร่วมพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ไมเนอร์จัดงานสัมมนาสำหรับผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ประจำปี 2565 ภายใต้หลักการ “Winning the Next Era” โดยเชิญผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแบ่งปันวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและมั่นคงให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ เรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งตอบสนองต่อความปรารถนาและความคาดหวังของลูกค้าและมองหาโอกาสในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา หนึ่งในนั้นคือความร่วมมือระหว่างไมเนอร์ โฮเทลส์และบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ในการเปิดตัวศูนย์ดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (BDMS Wellness Clinic Retreat) ขึ้น ณ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ รีสอร์ท เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะแรกเริ่มเพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีและอายุที่ยืนยาวผ่านโปรแกรมต่างๆ ที่ครอบคลุมด้านสุขภาพ ความงาม และการคัดกรองสุขภาพ โดยให้บริการทั้งผู้ที่อาศัยในประเทศไทยและนักท่องเที่ยว

การกำกับดูแลกิจการที่ดีและวัฒนธรรมการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบเป็นรากฐานในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวของเรา ในปี 2565 ไมเนอร์ได้คะแนนด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ “ดีเลิศ” จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 10 เรายังจัดการอบรมและทบทวนการยินยอมหลักจรรยาบรรณของสมาชิกในทีมและการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันประจำปีของพนักงานทั้งหมด เราได้ริเริ่มการฝึกอบรมออนไลน์ด้านสิทธิมนุษยชนขึ้นสำหรับพนักงานในประเทศไทยและจะพัฒนาเนื้อหาให้สอดคล้องกับบริบทตามพื้นที่ที่เราดําเนินงานอยู่เพื่อใช้กับหน่วยงานต่างๆ ของเราทั่วโลก เรายังพัฒนาบทเรียนเพื่อฝึกอบรมด้านการปกป้องข้อมูล ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และความปลอดภัยทางไอทีและไซเบอร์สำหรับพนักงานของเราเพื่อเน้นย้ำถึงความสําคัญและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ในปี 2565 ไมเนอร์ได้จัดตั้งทีมงานซึ่งรับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์โดยตรงเป็นครั้งแรกป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ไมเนอร์ยึดมั่นในแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วมเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงของผู้มีส่วนได้เสียและบริษัท และเพื่อแสดงผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นของเรา ในปี 2565 ไมเนอร์ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกของ Dow Jones Sustainability Emerging Markets Index ติดต่อกันเป็นปีที่ 9 เป็นสมาชิกของ FTSE4Good Index Series ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 ได้รับการประเมินจาก MSCI ESG Rating ในระดับ AA และยังได้รับรางวัลความยั่งยืน “Highly Commended in Sustainability” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและได้รับคัดเลือกเข้าในรายชื่อหุ้นยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 8

ผมขอแสดงความขอบคุณต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดของเรา ได้แก่ พนักงาน ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ คู่ค้า เจ้าหนี้ รัฐบาล องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร และชุมชน สำหรับการสนับสนุนและความไว้วางใจในบริษัทตลอดการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และผมขอขอบคุณอย่างยิ่งต่อพนักงานของเราสำหรับความทุ่มเทและการทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่ดีในปี 2565 ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการก้าวเข้าสู่ปี 2566 ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าธุรกิจของเราจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค
ประธานกรรมการ